อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีอาณาเขตครอบคลุม 11 อำเภอของ 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นป่าผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรักในส่วนหนึ่งของดงพญาไฟหรือดงพญาเย็นในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำมูล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กวาง เก้ง กระทิง เสือ ตลอดจนมีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเนื้อที่ 2,168.64 ตารางกิโลเมตรหรือ 1,355,396.96 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพทั่ว ๆ ไปของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนกันหลายลูก ได้แก่ เขาร่ม ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาแหลมสูง 1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร เขากำแพงสูง 875 เมตร เขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแก้วสูง 802 เมตร ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นเกณฑ์ และยังประกอบด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทางทิศใต้และตะวันตกเป็นที่สูงชันไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญถึง 5 สาย ดังนี้
แม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำนครนายก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเกษตรกรรมและระบบทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ แม่น้ำทั้ง 2 สายนี้ มาบรรจบกันที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กลายเป็นแม่น้ำบางปะกงแล้วไหลลงสู่อ่าวไทย
แม่น้ำลำตะคองและแม่น้ำพระเพลิง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางทิศเหนือ ไหลไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมของที่ราบสูงโคราช ไปบรรจบกับแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภาคอีสานตอนล่างไหลลงสู่แม่น้ำโขง
ห้วยมวกเหล็ก ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมีปริมาณน้ำไหลตลอดทั้งปีและ ให้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะการปศุสัตว์ของภูมิภาคนี้ ไหลลงสู่แม่น้ำป่าสัก ที่อำเภอมวกเหล็ก
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพป่ารกทึบได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทำให้เกิดฝนตกชุกตามฤดูกาล อากาศไม่ร้อนจัดและหนาวจัดจนเกินไป จัดอยู่ในประเภทเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมนันทนาการชนิดต่าง ๆ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 23 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวในที่อื่น แต่ที่เขาสูงบนเขาใหญ่อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน และไม้ป่ามีดอกหลากสีบานสะพรั่งบ้างออกผลตามฤดูกาล
ฤดูฝน เป็นช่วงหนึ่งของปีที่สภาพบนเขาใหญ่ชุ่มฉ่ำ ป่าไม้ทุ่งหญ้าเขียวขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่าให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือน แม้การเดินทางจะลำบากกว่าปกติแต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ลดน้อยลงเลย
ฤดูหนาว ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเขาใหญ่มากที่สุด ท้องฟ้าสีครามแจ่มใสตัดกับสีเขียวขจีของป่าไม้ พยับหมอกที่ลอยเอื่อยไปตามทิวเขา ดวงอาทิตย์กลมโตอยู่เบื้องหน้าไกลโพ้น อากาศหนาวเย็นในเวลากลางคืน แต่รุ่งเช้าของวันใหม่เราจะพบกับธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างไปจากเมื่อวานอีกแบบหนึ่งกิจกรรมเล่นแค้มป์ไฟ เหมาะสมในฤดูนี้มาก
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
ป่าเบญจพรรณแล้ง ลักษณะของป่าชนิดนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือ ซึ่งมีระดับความสูงระหว่าง 200-600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ประกอบด้วยไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบ เช่น มะค่าโมง ประดู่ ตะแบก ตะเคียนหนู แดง นนทรี ซ้อ ปออีเก้ง สมอพิเภก ตะคล้ำ เป็นต้น พืชชั้นล่างมีไม้ไผ่และหญ้าต่าง ๆ รวมทั้งกล้วยไม้ด้วย ในฤดูแล้งป่าชนิดนี้จะมีไฟลุกลามเสมอ และตามพื้นป่าจะมีหินปูนผุดขึ้นอยู่ทั่ว ๆ ไป
ป่าดงดิบแล้ง ลักษณะป่าชนิดนี้มีอยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นที่ราบลูกเนินในระดับความสูง 200-600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไม้ชั้นบน ได้แก่ ไม้ยางนา พันจำ เคี่ยมคะนอง ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน ตะแบก สมพง สองสลึง มะค่าโมง ปออีเก้ง สะตอ ซาก และคอแลน เป็นต้น ไม้ยืนต้นชั้นรองมี กะเบากลัก หลวงขี้อาย และกัดลิ้น เป็นต้น พืชจำพวกปาล์ม เช่น หมากลิง และลาน พืชชั้นล่างประกอบด้วยพืชจำพวกมะพร้าว นกคุ้ม พวกขิง ข่า กล้วยป่าและเตย เป็นต้น
ป่าดงดิบชื้น ลักษณะป่าชนิดนี้เป็นป่าที่อยู่ในระดับความสูง 400-1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล จะมีชนิดไม้คล้ายคลึงกับป่าดงดิบแล้ง เพียงแต่ว่าไม้วงศ์ยางขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ยางกล่อง ยางขน ยางเสี้ยน และกระบาก โดยเฉพาะพื้นที่ถูกรบกวนจะพบ ชมพู่ป่าและกระทุ่มน้ำขึ้นอยู่ทั่วไป พรรณไม้ผลัดใบ เช่น ปออีเก้ง สมพง และกว้าว แทบจะไม่พบเลย บริเวณริมลำธารมักจะมีไผ่ลำใหญ่ๆ คือ ไผ่ลำมะลอกขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม นอกจากไม้ยางแล้วไม้ชั้นบนชนิดอื่น ๆ ยังมี เคี่ยมคะนอง ปรก บรมือ จำปีป่า พะดงและทะโล้ ไม้ชั้นรอง ได้แก่ ก่อน้ำ ก่อรัก ก่อด่าง และก่อเดือย ขึ้นปะปนกัน
ป่าดิบเขา ป่าชนิดนี้เกิดอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นบนภูเขาสูง ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตรขึ้นไป สภาพป่าแตกต่างไปจากป่าดงดิบชื้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีไม้วงศ์ยางขึ้นอยู่เลย พรรณไม้ที่พบเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น พญาไม้ มะขามป้อมดง ขุนไม้ และสนสามพันปี และ ไม้ก่อชนิดต่าง ๆ ที่พบขึ้นในป่าดงดิบชื้น นอกจากก่อน้ำและก่อต่าง ๆ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 600-900 เมตรเท่านั้น ตามเขาสูงจะพบต้นกำลังเสือโคร่งขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ไม้ชั้นรอง ได้แก่ เก็ดล้านส้มแปะ แกนมอ เพลาจังหัน และหว้า พืชชั้นล่าง ได้แก่ ต้างผา กำลังกาสาตัวผู้ กูด และกล้วยไม้ดิน
ทุ่งหญ้าและป่ารุ่นหรือป่าเหล่า ลักษณะป่าชนิดนี้เป็นผลเสียเนื่องจากการทำไร่เลื่อนลอยในอดีตก่อนมีการจัดตั้งป่าเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติได้มีราษฎรอาศัยอยู่และได้แผ้วถางป่าทำไร่ เมื่อมีการอพยพราษฎรลงไปสู่ที่ราบ บริเวณไร่ดังกล่าวถูกปล่อยทิ้ง ต่อมามีสภาพเป็นทุ่งหญ้าคาเสียส่วนใหญ่ บางแห่งมีหญ้าแขม หญ้าพง หญ้าขนตาช้างเลา และตองกง และยังมีกูดชนิดต่าง ๆ ขึ้นปะปนอยู่ด้วย เช่น โขนใหญ่ กูดปี้ด โขนผี กูดงอดแงด และกูดตีนกวางสัตว์ป่าสัตว์ป่าที่สามารถพบได้บ่อย ๆ และตามโอกาสอำนวย ได้แก่ เก้ง กวาง ตามทุ่งหญ้าทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ยังพบ ช้าง เสือโคร่ง กระทิง เลียงผา หมี เม่น ชะนี พญากระรอก หรือ หมาไม้ ชะมด อีเห็น กระต่ายป่า นกชนิดต่าง ๆ จำนวน 200 ชนิด จากจำนวนไม่น้อยกว่า 293 ชนิด ที่สำรวจพบอาศัยอยู่บริเวณป่าเขาใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งหาอาหารและที่อาศัยอย่างถาวร นกที่น่าสนใจและพบเห็นได้บ่อย ได้แก่ นกเงือก นกขุนทอง นกขุนแผน นกพญาไฟ นกแต้วแล้ว นกโพระดก นกแซงแซว นกเขา นกกระปูด ไก่ฟ้า และนกกินแมลงชนิดต่าง ๆ นกเงือกทั้ง 3 ชนิด ที่พบบนเขาใหญ่นับว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบดูนกเป็นอย่างดี เพราะพบเห็นได้ทั่วไป พวกแมลงที่มีมากกว่า 5,000 ชนิด ที่สวยงามและพบเห็นบ่อย ได้แก่ ผีเสื้อที่มีรายงานพบกว่า 216 ชนิด
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
อนุสาวรีย์
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เรื่องการปรับปรุงพรมแดนไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสซึ่งในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 59 นาย พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2484 และจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผู้กระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485 สถาปนิกผู้ออกแบบอนุสาวรีย์คือ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล
ก่อนที่จะมีการสร้างวงเวียนอนุสาวรีย์ บริเวณจุดตัดของถนนพญาไท ถนนราชวิถี และถนนพหลโยธิน นี้มีชื่อเรียกว่า "สี่แยกสนามเป้า"หม่อมหลวงปุ่มใช้ดาบปลายปืน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายทหาร โดยใช้ดาบปลายปืนห้าเล่มรวมกัน จัดตั้งเป็นกลีบแบบลูกมะเฟือง ปลายดาบชี้ขึ้นบน ส่วนคมของดาบหันออก ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับหินอ่อน มีความสูงประมาณ 50 เมตร ดาบปลายปืนส่วนด้ามตั้งเหนือเพดานห้องโถงใหญ่ ซึ่งใช้เก็บกระสุนปืนใหญ่บรรจุอัฐิทหารที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส
ด้านนอกตอนโคนดาบปลายปืน มีรูปปั้นหล่อทองแดง ขนาดสองเท่าคนธรรมดา ของนักรบ 5 เหล่า คือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ศิลปินผู้ปั้นรูปเหล่านี้เป็นลูกศิษย์ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น สิทธิเดช แสงหิรัญ, อนุจิตร แสงเดือน, พิมาน มูลประสุข, แช่ม ขาวมีชื่อ ภายใต้การควบคุมของ ศ.ศิลป พีระศรี
ด้านนอกของผนังห้องโถง เป็นแผ่นทองแดงจารึกนามผู้เสียชีวิต รายนามผู้ที่ได้รับการจารึกไว้มีทั้งสิ้น 160 นาย เป็นทหารบก 94 นาย ทหารเรือ 41 นาย ทหารอากาศ 13 นาย และตำรวจสนาม 12 นาย จนถึงปัจจุบันแผ่นทองแดงจารึกรายนามผู้เสียชีวิต และผู้สละชีพเพื่อชาติจากสงครามต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2483-2497 รวมทั้งสิ้น 801 นาย
ก่อนที่จะมีการสร้างวงเวียนอนุสาวรีย์ บริเวณจุดตัดของถนนพญาไท ถนนราชวิถี และถนนพหลโยธิน นี้มีชื่อเรียกว่า "สี่แยกสนามเป้า"หม่อมหลวงปุ่มใช้ดาบปลายปืน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายทหาร โดยใช้ดาบปลายปืนห้าเล่มรวมกัน จัดตั้งเป็นกลีบแบบลูกมะเฟือง ปลายดาบชี้ขึ้นบน ส่วนคมของดาบหันออก ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับหินอ่อน มีความสูงประมาณ 50 เมตร ดาบปลายปืนส่วนด้ามตั้งเหนือเพดานห้องโถงใหญ่ ซึ่งใช้เก็บกระสุนปืนใหญ่บรรจุอัฐิทหารที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส
ด้านนอกตอนโคนดาบปลายปืน มีรูปปั้นหล่อทองแดง ขนาดสองเท่าคนธรรมดา ของนักรบ 5 เหล่า คือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ศิลปินผู้ปั้นรูปเหล่านี้เป็นลูกศิษย์ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น สิทธิเดช แสงหิรัญ, อนุจิตร แสงเดือน, พิมาน มูลประสุข, แช่ม ขาวมีชื่อ ภายใต้การควบคุมของ ศ.ศิลป พีระศรี
ด้านนอกของผนังห้องโถง เป็นแผ่นทองแดงจารึกนามผู้เสียชีวิต รายนามผู้ที่ได้รับการจารึกไว้มีทั้งสิ้น 160 นาย เป็นทหารบก 94 นาย ทหารเรือ 41 นาย ทหารอากาศ 13 นาย และตำรวจสนาม 12 นาย จนถึงปัจจุบันแผ่นทองแดงจารึกรายนามผู้เสียชีวิต และผู้สละชีพเพื่อชาติจากสงครามต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2483-2497 รวมทั้งสิ้น 801 นาย
สวนสัตว์เชียงใหม่
ก่อตั้งขึ้นโดยนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง (Mr.Harold Mason Young) มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ผู้เข้ามาเป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่พวกทหารและตำรวจชายแดน ในช่วงสงครามเกาหลี ( พ.ศ.2493-2496 ) โดยอาศัยพื้นที่บ้านที่ตนเช่าอยู่คือ บ้านเวฬุวัน เชิงดอยสุเทพ ซึ่งเป็นของนาย กี นิมมานเหมินท์ ( พ.ศ.2431-2508 ) และนาง กิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ( พ.ศ. 2437-2524 ) เป็นสถานที่เริ่มต้น โดยเริ่มเปิดเป็นสวนสัตว์เล็กๆ ของเอกชนขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ.2495 โดยจ้างคนพื้นเมืองและชาวเขาจำนวนไม่มากนักช่วยดูแล เหตุผลของการสะสมสัตว์ชนิดต่างๆ ของนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยังจนสามารถจัดเป็นสวนสัตว์ เอกชนขึ้นได้นั้น แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่คงเนื่องด้วยความรักเมตตาต่อสัตว์เป็นพื้นฐาน และเพื่อศึกษานิสัยอากัปกิริยาต่างๆ ของสัตว์ชนิดต่างๆอย่างใกล้ชิดด้วยเพื่อประโยชน์ ในการประกอบอาชีพ เป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่ทหาร และตำรวจชายแดน ซึ่งต้องผจญกับสัตว์ป่านานาชนิดเสมอ นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง เป็นบุตรของมิชชันนารีชาวอเมริกันเกิดที่รัฐฉาน ( Shan State ) ประเทศพม่าเคยทำงานในฐานะมิชชั่นนารีในรัฐฉาน ( Shan State )ดินแดนของชาวไต ซึ่งอุดมด้วยสัตว์ป่านานาชนิดมาก่อน และเหตุผลที่ทำให้นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง ต้องเข้ามาทำงานในฐานะอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่ทหารและตำรวจชายแดน ในประเทศไทย ก็คงเนื่องด้วยพันธะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีต่อรัฐบาลไทย ในการสนับสนุนทั้งทางด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ อย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันต่อต้านคอมมิวนิสต์ตาม สนธิสัญญาไทย-อเมริกัน 3 ฉบับ คือ ความตกลงทางการศึกษาและ วัฒนธรรมในเดือนกรกฎาคม 2493 ความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคนิคในเดือนกันยายน 2493 และความตกลงทางการช่วยเหลือ ทางทหารในเดือนตุลาคม 2493 เป็นต้นมา เพราะปรากฎว่าหลังจากปี พ.ศ.2493 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดส่ง คณะที่ปรึกษา อาสาสมัคร และกำลังสนับสนุนด้านต่างๆเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมาก เฉพาะด้านทหารและตำรวจนั้น สหรัฐอเมริกาได้ส่งคณะที่ปรึกษาทางทหาร ( MAAG ) มาประจำประเทศไทย ใน พ.ศ.2493 ต่อมาขยายเป็นหน่วย JUSMAG เพื่อช่วยวางแผนการจัดกองพล การจัดกรมผสม จัดระบบ ส่งกำลังกองทัพบก ฯลฯ ขณะที่กองกำลังตำรวจขณะนั้นอยู่ภายใต้การนำของ พลตำรวจเอก เผ่า ศรีรานนท์ ก็ได้รับการขยายกำลังออกไปอย่างกว้างขวาง โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ให้การสนับสนุน ผ่านทางบริษัทซี ซัปพลาย( Sea Supply Coporation ) การเข้ามาทำงานในประเทศไทย ในฐานะอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่ทหาร และตำรวจตระเวรชายแดนของนายฮาโรลด์ เมสัน ยัง ก็คงอยู่ในบริษัท ( Context ) ทางการเมืองดังกล่าวนี้ด้วย การสะสมสัตว์นานาชนิดของนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง ภายในบริเวณบ้านเวฬุวันที่ตนเช่าอยู่นั้น คงมี มากขึ้นๆ และคงสร้างต้องอาศัยพื้นที่ในบริเวณบ้านเวฬุวันมากขึ้นคงทำให้พื้นที่ อันสวยงามของบ้านเวฬุวัน เช่น สนามหญ้าหน้าบ้านถูกใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ไปโดยปริยาย จากคำบอกเล่าของศาสตราจารย์ อัน นิมมานเหมินท์ ทายาทคนหนึ่งของ นาย กี-นาง กิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ได้ขอให้ นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยังผู้เช่าบ้านเวฬุวัน ย้ายสวนสัตว์ของเขาไปไว้ที่ ที่ดินอีกแปลงหนึ่งของนาย กี-นาง กิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ซึ่งอยู่เชิงดอยสุเทพเช่นกันซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ที่ส่วน หนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่คงโดยเหตุที่นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง เป็นชาวอเมริกันประชาชนของประเทศที่ มีอิทธิพลทางการเมืองสูงยิ่งของโลก เขาจึงติดต่อขอที่ดินป่าสงวน เชิงดอยสุเทพ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่โดยตรง จนได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนเชิงดอยสุเทพ ประมาณ 60 ไร่ เป็นที่ตั้งสวนสัตว์ของเอกชน เปิดบริการให้เข้าชมตั้งแต่วันจักรี 6 เมษายน พ.ศ.2500 จนกระทั่งนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง ถึงแก่อนิจกรรม ใน พ.ศ.2518 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้พิจารณาเห็นคุณค่าของสวนสัตว์ของนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง ทั้งในฐานะเป็นแหล่ง พักผ่อนศึกษาสัตว์ของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแหล่งหนึ่งตามโครงการปรับปรุงดอยสุเทพ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ จึงรับกิจการสวนสัตว์ของนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง ไว้ในความดูแล ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่ง พ.ศ.2520 จึงโอนเข้าสังกัดองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ วันที่ 16 มิถุนายน 2520 เป็นต้นมา เนื่องนับ ถึง 16 มิถุนายน 2530 สวนสัตว์เชียงใหม่ก็มีอายุครบ 10 ปีเต็ม ในรอบทศวรรษนั้น สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ขยายพื้นที่จากเดิม ที่จังหวัดเชียงใหม่อนุมัติให้นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง จัดตั้งสวนสัตว์ประมาณ 60 ไร่ ได้รับการขยายเป็น 130 ไร่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 สวนสัตว์เชียงใหม่ก็ได้รับความเห็นชอบจากกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรีให้ขยายพื้นที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ เพิ่มเติมอีกประมาณ 500 ไร่ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสวนสัตว์ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน จำนวนหนึ่งโดยมี ศาสตราจารย์ อัน นิมมานเหมินท์ เป็นประธานดำเนินงานวางผังหลักกำหนดแนวทางพัฒนาสวนสัตว์เชียงใหม่ ต่อไปในอนาคตอย่างน่าสนใจยิ่ง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งประเภทตำนาน จารึก และภาพถ่ายทางอากาศยืนยัน ชัดว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งของสวนสัตว์เชียงใหม่คือส่วนหนึ่งของ เวียงเจ็ดสิน เวียงโบราณรูปวงกลมที่สร้างขึ้นในสมัยพญาสามฝั่งแก่น กษัตริย์แห่งราชวงค์มังราย ลำดับที่ 8 ( พ.ศ.1945-1984 ) ร่องรอยคูน้ำ คันดินบางส่วนก็ยังปรากฎอยู่ในปัจจุบันซากอิฐจำนวนไม่น้อย ยังคงปรากฎทั่วไปในบริเวณสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยเฉพาะบนเนินเนินเหนือที่เลี้ยงช้าง เป็นกองอิฐก้อนใหญ่มาก เป็นร่องรอยให้สามารถสันนิษฐานได้ว่าเป็นโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับ ทางศาสนา (ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบราณสถานวัดกู่ดินขาวในปัจจุบัน)
สัตว์ป่าสงวน
นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
ชื่อสามัญ
White-eyed River-Martin
ชื่อวิทยาศาสตร์
Pseudochelidon sirintarae
ลักษณะ
นกนางแอ่นชนิดลำตัวยาว 15 ซ.ม. พบครั้งแรกในประเทศไทย ปี 2511 ในบริเวณ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จะเกาะนอนอยู่ในฝูงนกนางแอ่นชนิดอื่น ๆ ตามใบอ้อ และ ใบสนุ่น โฉบจับแมลงเป็นอาหาร
ชื่อสามัญ
White-eyed River-Martin
ชื่อวิทยาศาสตร์
Pseudochelidon sirintarae
ลักษณะ
นกนางแอ่นชนิดลำตัวยาว 15 ซ.ม. พบครั้งแรกในประเทศไทย ปี 2511 ในบริเวณ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จะเกาะนอนอยู่ในฝูงนกนางแอ่นชนิดอื่น ๆ ตามใบอ้อ และ ใบสนุ่น โฉบจับแมลงเป็นอาหาร
คนดัง
หมอหัวโถ
中国国际广播电台
เวลาคนรู้สึกไม่สบายเเละไปหาหมอ ต่างหวังว่าหมอจะสามารถเเก้หวัด ลดอาการป่วยให้ตนได้ทันที ในประเทศจีน เวลาผู้คนป่วยรักษาไม่หายเป็น เวลานานก็มักจะพูดว่า “ถ้าหมอหัวโถอยู่ก็จะดีนะ” หัวโถเป็นหมอ ในภาคเอกชนเมื่อ 2000ปี ก่อนของจีน เนื่องจากว่าเขามีฝีมือยอดเยี่ยม จนถูกผู้คนขนานนามว่า “หมอเทวดา”
หัวโถเกิดที่มณฑลอันฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน วันเกิดของ เขาไม่สามารถระบุได้ เพียงเเต่ทราบว่าเขาถูกผู้กุมอำนาจในยุคนั้น ประหารชีวิตเมื่อปีค.ศ 208 เล่ากันว่าหัวโถสุขภาพดีมาก จนถึงอายุ 100ปีเเล้วยังมีชีวพลัง หนังสือประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า หัวโถเป็นหมอที่ ไม่สนใจเรื่องฐานะตำเเหน่ง เขาเคยปฏิเสธคำเชิญให้ไปรับตำเเหน่งหลายครั้ง หลังจากนั้นโจโฉมีโรคปวดหัวเป็นประจำจึงเชิญเขาไปช่วยรักษาโรค เขาถูกบังคับให้ไปช่วยรักษา แม้จะรักษาโรคที่เป็นประจำตัวของโจโฉหายไปได้ ก็ยังถูกบังคับให้เป็นหมอประจำตัวของโจโฉ อีกไม่นาน หัวโถก็ขอลาป่วยกลับไปเเล้วไม่รับใช้โจโฉอีก โจโฉเร่งให้กลับหลายครั้ง เเต่หัวโถก็ไม่ยอมกลับ ด้วยเหตุนี้ โจโฉจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปจับตัวเขามาเข้าคุกเเละประหารชีวิตในที่สุด
หัวโถมีความชำนาญในด้านเเพทยศาสตร์อย่างลึกซึ้งโดยครอบคลุมไป หลายๆด้าน เช่นโรคติดต่อ โรคพยาธิ โรคนรีเวช โรคกุมารเวช โรคระบบทางเดินหายใจเเละโรคผิวหนังเป็นต้น โดยเฉพาะมีผลงานมากมายในด้านการใช้ยาชาเเละผ่าตัด หัวโถเป็นหมอที่ได้รับ ความเคารพนับถือจากผู้คน ผลงานของเขาได้สะท้อนพัฒนาการของเเพทยศาสตร์จีนในช่วงกว่า 2000 ปีที่ผ่านมา หัวโถเป็นหนึ่งในหมอที่ใช้วิธีการทำให้เกิดอาการชาหมดความรู้สึกทั้งตัว “ยาสลบ”ที่เขาประดิษฏคิดค้นขึ้น สามารถลดความเจ็บของผู้ป่วย ยาชนิดนี้ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน เเต่น่าเสียดายมากยาสลบนี้สูญหายไปเเล้ว ยาสลบนี้อำนวยปัจจัยพร้อมที่ จะให้เขาดำเนินการผ่าตัดต่างๆอย่างราบรื่น
หัวโถชำนาญในการผ่าตัด มีครั้งหนึ่ง เขาเคยทำผ่าดัตให้หญิงสาวที่มีอายุ 20 ปี สาวผู้นี้มีเเผลบาดตรงหัวเข่า คันเเต่ไม่เจ็บมาเป็นเวลานานถึง 7-8 ปีเเล้ว เธอเชิญหัวโถช่วยรักษา เขาได้ผ่าตัดเเละ เอาเส้นเหมือนงูออกจากแผลของเธอ หลังจากนั้นเอายาปิดเเผล อีก 7 วันก็หายเเล้ว ผู้ป่วยเเละญาติพี่น้องของเขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ตอนนี้ มีผู้คนเห็นว่า สิ่งที่เอาออกจากร่างกายของผู้ป่วยแท้จริงเเล้วน่าจะเป็นการอักเสบของ ไขกระดูก อีกครั้งหนึ่ง มีผู้สูงอายุผู้หนึ่งป่วยหนักจึงเชิญเขาช่วยรักษาโรค หลังจากตรวจอย่างละเอียดเเล้ว หัวโถพูดกับญาติของเขาว่า โรคของผู้ป่วยหนักมากจะต้องทำผ่าตัดท้องจึงจะหาย เเต่หลังผ่าตัดแล้วก็จะมีชีวิตไม่เกินสิบปี เเต่ผู้ป่วยยังขอร้องให้หัวโถช่วยขจัดความป่วย หัวโถก็ช่วยผ่าตัดให้ ความเจ็บป่วยจึงผ่อนคลายลง เเต่ไม่ถึง 10 ปี ต่อมาผู้ป่วยผู้นี้ก็ตาย
ในด้านการวินิจฉัยโรค หัวโถก็มีความชำนาญยอดเยี่ยม เขาสามารถวินิจฉัย โรคว่าอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยสามารถรักษาได้หรือไม่ ครั้งหนึ่งเขาอยู่ ในร้านอาหารเเห่งหนึ่ง เขาได้สังเกตเห็นชายผู้หนึ่งชื่อเหยียนซิน จึงบอกว่าอย่าดื่มเหล้ามากเกินไป ให้รีบกลับบ้าน ชายคนนี้ ตกรถม้าระหว่างทางกลับบ้าน หลังถึงบ้านไม่นานชายคนนี้ก็ตาย มีผู้ป่วยชื่อเฉินเติงมีสีหน้าแดง เเละไม่อยากกินข้าว หัวโถวินิจฉัยว่า เขามีพยาธิในท้อง จึงให้ให้เขากินยา หลังจากนั้นไม่นานชายแซ่เฉิน ก็ ถ่ายพยาธิออกมา มีเจ้าหน้าผู้หนึ่งที่ป่วยเป็นเวลานาน หลังจากหัวโถช่วย วินิจฉัยเเล้วรู้ว่าถ้าทำให้เขาโกรธก็จะสามารถช่วยรักษาโรคเขาได้ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเขียนจดหมายให้เขาฉบับหนึ่งเขียนคำด่าว่า เจ้าหน้าที่ผู้นั้น เมื่อเขาอ่านเเล้วก็โกรธมาก ทั้งส่งคนไปฆ่าหัวโถ เเต่ไม่ทันกาล เขายิ่งรู้สึกโกรธมาก เเละอาเจียนเป็นเลือดดำออกมาโรคของเขาก็เลยหาย การวินิจฉัยอย่างถูกต้องมีความสำคัญต่อคุณภาพในการรักษาโรค การที่หัว โถให้ยาเเก่ผู้ป่วยตามสภาพต่างกันก็เป็น สาเหตุที่ได้รับความชื่นชมจากผู้ป่วย มีอยู่ครั้งหนึ่งมีผู้ป่วยสองคน ต่างมีอาการปวดหัวเเละเป็นไข้ หลังจากวินิจฉัยเเล้ว หัวโถได้ให้ ยาต่างกัน คนหนึ่งได้ยาช่วยถ่าย อีกคนหนึ่งให้ยาที่ขับเหงื่อ คนรอบข้างต่างไม่เข้าใจ ท่านจึงอธิบายว่า เเม้ว่าสองคนนี้มีอาการ เหมือนกัน เเต่คนหนึ่งเป็นหวัด อีกคนหนึ่งย่อยอาหารไม่ได้ สาเหตุป่วยต่างกัน ก็เลยให้ยาต่างกัน หลังจากผู้ป่วยสองคน กินยาเเล้วก็หายดีโดยเร็ว ปัจจุบันนี้ ผู้คนให้ความสำคัญต่อการ รักษาโรคด้วยการออกกำลังกาย หัวโถที่อยู่ ห่างจากปัจจุบันกว่า 2000 ปีก็ได้ส่งเสริมการออกกำลังกายช่วยรักษาโรค เพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์ช่วยให้อายุยืนยาว “มวยสัตว์ห้าชนิด”ที่เขาคิดประดิษฐ์ ขึ้นมาก็ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คนมาก “มวยสัตว์ห้าชนิด” เป็นมวยที่เลียนท่าเสือ ท่ากวาง ท่าหมี ท่าลิงป่า ท่านก เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนสะดวก ป้องกันโรคปวดไข้เจ็บ หัวโถมีลูกศิษย์ ไม่น้อย เเละสามคนมีชื่อเสียงที่สุด พวกเขาก็ได้สร้างคุณูปการต่อ การพัฒนาของเเพทยศาสตร์ของจีน หลังหัวโถล่วงลับไปเเล้ว มีสถานที่มากมายที่ท่านเคยไปเป็นหมอที่นั่นก็ได้สร้างวัดระลึกถึง เพื่อ เป็นการเเสดงความระลึกถึงของผู้คนทั้งหลายที่มีต่อหัวโถ
中国国际广播电台
เวลาคนรู้สึกไม่สบายเเละไปหาหมอ ต่างหวังว่าหมอจะสามารถเเก้หวัด ลดอาการป่วยให้ตนได้ทันที ในประเทศจีน เวลาผู้คนป่วยรักษาไม่หายเป็น เวลานานก็มักจะพูดว่า “ถ้าหมอหัวโถอยู่ก็จะดีนะ” หัวโถเป็นหมอ ในภาคเอกชนเมื่อ 2000ปี ก่อนของจีน เนื่องจากว่าเขามีฝีมือยอดเยี่ยม จนถูกผู้คนขนานนามว่า “หมอเทวดา”
หัวโถเกิดที่มณฑลอันฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน วันเกิดของ เขาไม่สามารถระบุได้ เพียงเเต่ทราบว่าเขาถูกผู้กุมอำนาจในยุคนั้น ประหารชีวิตเมื่อปีค.ศ 208 เล่ากันว่าหัวโถสุขภาพดีมาก จนถึงอายุ 100ปีเเล้วยังมีชีวพลัง หนังสือประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า หัวโถเป็นหมอที่ ไม่สนใจเรื่องฐานะตำเเหน่ง เขาเคยปฏิเสธคำเชิญให้ไปรับตำเเหน่งหลายครั้ง หลังจากนั้นโจโฉมีโรคปวดหัวเป็นประจำจึงเชิญเขาไปช่วยรักษาโรค เขาถูกบังคับให้ไปช่วยรักษา แม้จะรักษาโรคที่เป็นประจำตัวของโจโฉหายไปได้ ก็ยังถูกบังคับให้เป็นหมอประจำตัวของโจโฉ อีกไม่นาน หัวโถก็ขอลาป่วยกลับไปเเล้วไม่รับใช้โจโฉอีก โจโฉเร่งให้กลับหลายครั้ง เเต่หัวโถก็ไม่ยอมกลับ ด้วยเหตุนี้ โจโฉจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปจับตัวเขามาเข้าคุกเเละประหารชีวิตในที่สุด
หัวโถมีความชำนาญในด้านเเพทยศาสตร์อย่างลึกซึ้งโดยครอบคลุมไป หลายๆด้าน เช่นโรคติดต่อ โรคพยาธิ โรคนรีเวช โรคกุมารเวช โรคระบบทางเดินหายใจเเละโรคผิวหนังเป็นต้น โดยเฉพาะมีผลงานมากมายในด้านการใช้ยาชาเเละผ่าตัด หัวโถเป็นหมอที่ได้รับ ความเคารพนับถือจากผู้คน ผลงานของเขาได้สะท้อนพัฒนาการของเเพทยศาสตร์จีนในช่วงกว่า 2000 ปีที่ผ่านมา หัวโถเป็นหนึ่งในหมอที่ใช้วิธีการทำให้เกิดอาการชาหมดความรู้สึกทั้งตัว “ยาสลบ”ที่เขาประดิษฏคิดค้นขึ้น สามารถลดความเจ็บของผู้ป่วย ยาชนิดนี้ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน เเต่น่าเสียดายมากยาสลบนี้สูญหายไปเเล้ว ยาสลบนี้อำนวยปัจจัยพร้อมที่ จะให้เขาดำเนินการผ่าตัดต่างๆอย่างราบรื่น
หัวโถชำนาญในการผ่าตัด มีครั้งหนึ่ง เขาเคยทำผ่าดัตให้หญิงสาวที่มีอายุ 20 ปี สาวผู้นี้มีเเผลบาดตรงหัวเข่า คันเเต่ไม่เจ็บมาเป็นเวลานานถึง 7-8 ปีเเล้ว เธอเชิญหัวโถช่วยรักษา เขาได้ผ่าตัดเเละ เอาเส้นเหมือนงูออกจากแผลของเธอ หลังจากนั้นเอายาปิดเเผล อีก 7 วันก็หายเเล้ว ผู้ป่วยเเละญาติพี่น้องของเขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ตอนนี้ มีผู้คนเห็นว่า สิ่งที่เอาออกจากร่างกายของผู้ป่วยแท้จริงเเล้วน่าจะเป็นการอักเสบของ ไขกระดูก อีกครั้งหนึ่ง มีผู้สูงอายุผู้หนึ่งป่วยหนักจึงเชิญเขาช่วยรักษาโรค หลังจากตรวจอย่างละเอียดเเล้ว หัวโถพูดกับญาติของเขาว่า โรคของผู้ป่วยหนักมากจะต้องทำผ่าตัดท้องจึงจะหาย เเต่หลังผ่าตัดแล้วก็จะมีชีวิตไม่เกินสิบปี เเต่ผู้ป่วยยังขอร้องให้หัวโถช่วยขจัดความป่วย หัวโถก็ช่วยผ่าตัดให้ ความเจ็บป่วยจึงผ่อนคลายลง เเต่ไม่ถึง 10 ปี ต่อมาผู้ป่วยผู้นี้ก็ตาย
ในด้านการวินิจฉัยโรค หัวโถก็มีความชำนาญยอดเยี่ยม เขาสามารถวินิจฉัย โรคว่าอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยสามารถรักษาได้หรือไม่ ครั้งหนึ่งเขาอยู่ ในร้านอาหารเเห่งหนึ่ง เขาได้สังเกตเห็นชายผู้หนึ่งชื่อเหยียนซิน จึงบอกว่าอย่าดื่มเหล้ามากเกินไป ให้รีบกลับบ้าน ชายคนนี้ ตกรถม้าระหว่างทางกลับบ้าน หลังถึงบ้านไม่นานชายคนนี้ก็ตาย มีผู้ป่วยชื่อเฉินเติงมีสีหน้าแดง เเละไม่อยากกินข้าว หัวโถวินิจฉัยว่า เขามีพยาธิในท้อง จึงให้ให้เขากินยา หลังจากนั้นไม่นานชายแซ่เฉิน ก็ ถ่ายพยาธิออกมา มีเจ้าหน้าผู้หนึ่งที่ป่วยเป็นเวลานาน หลังจากหัวโถช่วย วินิจฉัยเเล้วรู้ว่าถ้าทำให้เขาโกรธก็จะสามารถช่วยรักษาโรคเขาได้ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเขียนจดหมายให้เขาฉบับหนึ่งเขียนคำด่าว่า เจ้าหน้าที่ผู้นั้น เมื่อเขาอ่านเเล้วก็โกรธมาก ทั้งส่งคนไปฆ่าหัวโถ เเต่ไม่ทันกาล เขายิ่งรู้สึกโกรธมาก เเละอาเจียนเป็นเลือดดำออกมาโรคของเขาก็เลยหาย การวินิจฉัยอย่างถูกต้องมีความสำคัญต่อคุณภาพในการรักษาโรค การที่หัว โถให้ยาเเก่ผู้ป่วยตามสภาพต่างกันก็เป็น สาเหตุที่ได้รับความชื่นชมจากผู้ป่วย มีอยู่ครั้งหนึ่งมีผู้ป่วยสองคน ต่างมีอาการปวดหัวเเละเป็นไข้ หลังจากวินิจฉัยเเล้ว หัวโถได้ให้ ยาต่างกัน คนหนึ่งได้ยาช่วยถ่าย อีกคนหนึ่งให้ยาที่ขับเหงื่อ คนรอบข้างต่างไม่เข้าใจ ท่านจึงอธิบายว่า เเม้ว่าสองคนนี้มีอาการ เหมือนกัน เเต่คนหนึ่งเป็นหวัด อีกคนหนึ่งย่อยอาหารไม่ได้ สาเหตุป่วยต่างกัน ก็เลยให้ยาต่างกัน หลังจากผู้ป่วยสองคน กินยาเเล้วก็หายดีโดยเร็ว ปัจจุบันนี้ ผู้คนให้ความสำคัญต่อการ รักษาโรคด้วยการออกกำลังกาย หัวโถที่อยู่ ห่างจากปัจจุบันกว่า 2000 ปีก็ได้ส่งเสริมการออกกำลังกายช่วยรักษาโรค เพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์ช่วยให้อายุยืนยาว “มวยสัตว์ห้าชนิด”ที่เขาคิดประดิษฐ์ ขึ้นมาก็ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คนมาก “มวยสัตว์ห้าชนิด” เป็นมวยที่เลียนท่าเสือ ท่ากวาง ท่าหมี ท่าลิงป่า ท่านก เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนสะดวก ป้องกันโรคปวดไข้เจ็บ หัวโถมีลูกศิษย์ ไม่น้อย เเละสามคนมีชื่อเสียงที่สุด พวกเขาก็ได้สร้างคุณูปการต่อ การพัฒนาของเเพทยศาสตร์ของจีน หลังหัวโถล่วงลับไปเเล้ว มีสถานที่มากมายที่ท่านเคยไปเป็นหมอที่นั่นก็ได้สร้างวัดระลึกถึง เพื่อ เป็นการเเสดงความระลึกถึงของผู้คนทั้งหลายที่มีต่อหัวโถ
ทะเลที่สวยที่สุดในโลก
เกาะ โบราโบร่า
เกาะ "โบรา โบร่า" เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะตาฮิติเป็นทะเลที่สวยที่สุดในโลก ตาฮิติ เป็นหมู่เกาะในเขตแปซิฟิกใต้ ค้นพบครั้งแรกไร่เรี่ยกันระหว่างชาวอังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสต่างก็พยายามช่วงชิงเข้าอยู่ในการปกครองของตัวเอง จนกระทั่งเกือบร้อยปีที่แล้วจึงได้ชื่อว่า French-Polynesiaตาฮิติ ขึ้นชื่อทางด้านทรัพยากรทางทะเลที่เอื่อเฟื้อให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ด้าน การท่องเที่ยวตลอดมาจนได้ชื่อว่า "ราชินีแห่งหมู่เกาะทะเลใต้" ที่นี่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก(เห็นเค้าบอกว่า อยู่ระหว่าง California และ Australia) วิธีเดินทางสุดยากลำบากสำหรับคน ไทยเรา เพราะต้องขึ้นเครื่องไปอเมริกา หรือนิวซีแลนด์ก่อน หากขึ้นเครื่องที่อเมริกาจะขึ้นที่ LA หรือ NY ใช้เวลาเดิน ทางประมาณ 8 ชั่วโมง หากขึ้นเครื่องที่นิวซีแลนด์ ขึ้นเครื่องที่ ไครเชิร์ก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง การเดินทาง จากตาฮิติไป โบรา โบร่า ใช้เวลาในการเดินทางอีก 1 ชั่วโมง(ทางเครื่องบิน) ค่าใช้จ่าย.ในการเดินทางจากเมือง ไทยไปเท่าที่เช็คมา กรณี back pack ประมาณ 90,000- 100,000 บาท กรณีไปพัก water บังกาโล อาจต้องใช้ถึง 150,000-200,000 บาท สำหรับ 7-10 วัน ค่าใช้จ่าย.สูงกว่ามัลดีฟพอสมควรเลยทีเดียว หากเดินทาง จากอเมริกา ที่นั่นมีแพคเก็จราคาถูกรวมค่าเครื่องบิน ราคาตั้งแต่ 1,800-3,000 กว่าๆ US Dollar
เกาะ "โบรา โบร่า" เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะตาฮิติเป็นทะเลที่สวยที่สุดในโลก ตาฮิติ เป็นหมู่เกาะในเขตแปซิฟิกใต้ ค้นพบครั้งแรกไร่เรี่ยกันระหว่างชาวอังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสต่างก็พยายามช่วงชิงเข้าอยู่ในการปกครองของตัวเอง จนกระทั่งเกือบร้อยปีที่แล้วจึงได้ชื่อว่า French-Polynesiaตาฮิติ ขึ้นชื่อทางด้านทรัพยากรทางทะเลที่เอื่อเฟื้อให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ด้าน การท่องเที่ยวตลอดมาจนได้ชื่อว่า "ราชินีแห่งหมู่เกาะทะเลใต้" ที่นี่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก(เห็นเค้าบอกว่า อยู่ระหว่าง California และ Australia) วิธีเดินทางสุดยากลำบากสำหรับคน ไทยเรา เพราะต้องขึ้นเครื่องไปอเมริกา หรือนิวซีแลนด์ก่อน หากขึ้นเครื่องที่อเมริกาจะขึ้นที่ LA หรือ NY ใช้เวลาเดิน ทางประมาณ 8 ชั่วโมง หากขึ้นเครื่องที่นิวซีแลนด์ ขึ้นเครื่องที่ ไครเชิร์ก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง การเดินทาง จากตาฮิติไป โบรา โบร่า ใช้เวลาในการเดินทางอีก 1 ชั่วโมง(ทางเครื่องบิน) ค่าใช้จ่าย.ในการเดินทางจากเมือง ไทยไปเท่าที่เช็คมา กรณี back pack ประมาณ 90,000- 100,000 บาท กรณีไปพัก water บังกาโล อาจต้องใช้ถึง 150,000-200,000 บาท สำหรับ 7-10 วัน ค่าใช้จ่าย.สูงกว่ามัลดีฟพอสมควรเลยทีเดียว หากเดินทาง จากอเมริกา ที่นั่นมีแพคเก็จราคาถูกรวมค่าเครื่องบิน ราคาตั้งแต่ 1,800-3,000 กว่าๆ US Dollar
ภูเขาไฟ
ภูเขาฟูจิ (ญี่ปุ่น: 富士山 Fuji-san ฟุจิซัง ?) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะ และจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโตเกียว โดยในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นจากโตเกียวได้ ในปัจจุบันภูเขาได้ถูกจัดโดยนักวิทยาศาสตร์อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ โดยภูเขาไฟระเบิดครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ใน ยุคเอโดะ
ภูเขาฟูจิ มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า "ฟุจิซัง" ซึ่งในหนังสือในสมัยก่อนจะถูกเข้าใจผิดเรียกว่า ฟุจิยะมะ (ฟูจิยาม่า) เนื่องจากตัวอักษรคันจิตัวที่ 3 (山) ที่สามารถอ่านได้สองแบบ ทั้ง ยะมะ และ ซัง
ประวัติ
เชื่อว่ามีผู้ปีนเขาฟูจี ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึงยุคเมจิ ภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบันภูเขาฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาฟูจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย
ภูเขาฟูจิยังเป็นฐานทัพของซามูไรต่างๆมากมายจากยุคอดีต เป็นที่ฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฟูจิ
ภูเขาฟูจิ มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า "ฟุจิซัง" ซึ่งในหนังสือในสมัยก่อนจะถูกเข้าใจผิดเรียกว่า ฟุจิยะมะ (ฟูจิยาม่า) เนื่องจากตัวอักษรคันจิตัวที่ 3 (山) ที่สามารถอ่านได้สองแบบ ทั้ง ยะมะ และ ซัง
ประวัติ
เชื่อว่ามีผู้ปีนเขาฟูจี ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึงยุคเมจิ ภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบันภูเขาฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาฟูจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย
ภูเขาฟูจิยังเป็นฐานทัพของซามูไรต่างๆมากมายจากยุคอดีต เป็นที่ฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฟูจิ
นำตก
น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก คือ น้ำตกไนแองการาอยู่ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ น้ำตกไนแอการ่าเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำไนแอการ่าเป็นแนวเส้นแบ่งเขตคานาดากับอเมริกาคือ Canadian province of Ontario และ the U.S. state of New Yorkในระยะทาง 17 miles (27 km) ห่างจากเมือง Buffalo, New York, และ 75 miles (120 km) จาก Toronto, Ontario.ไนแองการามีความสูง 167 ft (51 m)ประมาณตึก 12 ชั้นได้
สถานที่ท่องเทียว
วัดเจริญสุขารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองบางนกแขวก (คลองดำเนินสะดวก) ห่างจากอาสนะแม่พระบังเกิดประมาณ 500 เมตร เดิมเป็นวัดร้างไม่ทราบว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่มาได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2426 เรียกกันว่า "วัดกลางคลอง" หรือ "วัดต้นชมพู่" และต่อมาเมื่อมีการสร้าง "ประตูน้ำบางนกแขวก" ในปี พ.ศ. 2451 ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "วัดประตูน้ำบางนกแขวก" ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น "วัดเจริญสุขาราม" วัดนี้ได้รับการยกฐานะเป็นอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหารในปี พ.ศ.2500
ดอกไม้
บัวหลวง หรือดอกบัวที่ใช้จัดแจกันบูชาพระ มีดอกและใบชูขึ้นเหนือน้ำ ใบสีเขียวนวลค่อนข้างกลม ขอบใบเรียบ ผิวด้านบนมีขนอ่อนๆ และนวล ดอกมี 4 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง ติดผลเป็นฝัก การขยายพันธุ์ บัวหลวงมีไหล ชอนไชไปตามหน้าดิน ต้นใหญ่จะเกิดมาจากไหลเหล่านั้น ปลูกต้นเดียวถ้าไม่ตายในหนึ่งปีขายออกไปได้เยอะจนกระทั่งเต็มบึง
บัวสาย เป็นบัวที่อยู่ตามหนองบึงที่มีระดับน้ำลึก เป็นบัวที่ชาวบ้านมักนิยมเก็บก้านดอกมาทำอาหาร หรือที่เรียกว่า สายบัว แม้ปัจจุบันนี้ยังนิยมนำมาปรุงอาหารเช่น แกงเลียงสายบัว บัวสายมีใบที่ใหญ่ ขอบใบหยัก มีดอกสีบานเย็น สีขาว และสีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน การขยายพันธุ์ บัวสายมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อต้นเก่าโทรมไปเมื่อน้ำแห้ง ครั้นถึงฤดูน้ำท่วมหัวเหล่านั้นก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาใหม่ และอีกแบบคือการเพาะเมล็ด
บัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวพื้นเมืองที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งนา ตามหนองน้ำ และน้ำคูน้ำริมถนนที่พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อเดินทางออกไปตามชนบทที่มีน้ำท่วมขัง ดอกบานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น ใบรูปไข่จนถึงกลม ดอกมีหลายกลีบ มีกลิ่มหอม การขยายพันธุ์ใช้วีธีการเพาะเมล็ด
บัวลูกผสมกลุ่มบัวผัน บัวผันมีดอกเล็กและมีกลีบดอกน้อย ปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ผัวบันเกิดเป็นบัวลูกผสมที่กลีบดอกซ้อนสีสันสวยงาม และเป็นที่นิยมปลูกประดับกันทั่วไป บัวประดับที่พบเห็นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบัวลูกผสมของกลุ่มบัวผันเกือบทั้งหมด สำหรับชื่อของพันธุ์ลูกผสมนั้นมีชื่อเรียกกันมากมายแล้วแต่ผู้คิดค้นพันธุ์จะตั้งชื่อ ตั้งชื่อตามเจ้าของบ้าง ตั้งชื่อใหม่ตามจินตนาการบ้าง จดจำกันไม่หวัดไม่ไหว ขายยพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
อีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในเมืองไทย ได้แก่บัวนอกหรือบัวฝรั่ง มีสีสันสวยงาม มีรูปทรงดอกสวย ใบกลมมันสวย สมัยก่อนมีราคาแพงต้นละ 1000 กว่าบาท ลดลงมาเหลือ 500 บาท 300 บาท จนตอนหลังนี้เหลือกระถางละ 150 บาท ไปจนถึง กระถางละ 50 บาท แต่ไปอาจจะราคา 3 กระถาง 100 , แต่ละชนิดมีสีสวยงามทั้งสีขาว สีแดง สีชมพู สีเหลือง ดอกเหลืองเกสรชมพู สารพัด บัวนอกจะมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เจริญเติบโตไปทิศทางข้างหน้าลักษณะเหมือนไหลบัว การขยายพันธุ์เพียงแค่ตัดลำต้นออกเป็นท่อนๆ แล้ววางไว้ก็จะแตกกอใหญ่ออกมามากมาย ด้วยเหตุที่ขยายพันธุ์ง่ายจึงทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว
บัวสาย เป็นบัวที่อยู่ตามหนองบึงที่มีระดับน้ำลึก เป็นบัวที่ชาวบ้านมักนิยมเก็บก้านดอกมาทำอาหาร หรือที่เรียกว่า สายบัว แม้ปัจจุบันนี้ยังนิยมนำมาปรุงอาหารเช่น แกงเลียงสายบัว บัวสายมีใบที่ใหญ่ ขอบใบหยัก มีดอกสีบานเย็น สีขาว และสีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน การขยายพันธุ์ บัวสายมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อต้นเก่าโทรมไปเมื่อน้ำแห้ง ครั้นถึงฤดูน้ำท่วมหัวเหล่านั้นก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาใหม่ และอีกแบบคือการเพาะเมล็ด
บัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวพื้นเมืองที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งนา ตามหนองน้ำ และน้ำคูน้ำริมถนนที่พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อเดินทางออกไปตามชนบทที่มีน้ำท่วมขัง ดอกบานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น ใบรูปไข่จนถึงกลม ดอกมีหลายกลีบ มีกลิ่มหอม การขยายพันธุ์ใช้วีธีการเพาะเมล็ด
บัวลูกผสมกลุ่มบัวผัน บัวผันมีดอกเล็กและมีกลีบดอกน้อย ปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ผัวบันเกิดเป็นบัวลูกผสมที่กลีบดอกซ้อนสีสันสวยงาม และเป็นที่นิยมปลูกประดับกันทั่วไป บัวประดับที่พบเห็นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบัวลูกผสมของกลุ่มบัวผันเกือบทั้งหมด สำหรับชื่อของพันธุ์ลูกผสมนั้นมีชื่อเรียกกันมากมายแล้วแต่ผู้คิดค้นพันธุ์จะตั้งชื่อ ตั้งชื่อตามเจ้าของบ้าง ตั้งชื่อใหม่ตามจินตนาการบ้าง จดจำกันไม่หวัดไม่ไหว ขายยพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
อีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในเมืองไทย ได้แก่บัวนอกหรือบัวฝรั่ง มีสีสันสวยงาม มีรูปทรงดอกสวย ใบกลมมันสวย สมัยก่อนมีราคาแพงต้นละ 1000 กว่าบาท ลดลงมาเหลือ 500 บาท 300 บาท จนตอนหลังนี้เหลือกระถางละ 150 บาท ไปจนถึง กระถางละ 50 บาท แต่ไปอาจจะราคา 3 กระถาง 100 , แต่ละชนิดมีสีสวยงามทั้งสีขาว สีแดง สีชมพู สีเหลือง ดอกเหลืองเกสรชมพู สารพัด บัวนอกจะมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เจริญเติบโตไปทิศทางข้างหน้าลักษณะเหมือนไหลบัว การขยายพันธุ์เพียงแค่ตัดลำต้นออกเป็นท่อนๆ แล้ววางไว้ก็จะแตกกอใหญ่ออกมามากมาย ด้วยเหตุที่ขยายพันธุ์ง่ายจึงทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)