"วันฮาโลวีนนั้น"ถ้าจะแปลเอาความกันก็ได้แก่ "วันก่อนวันศักดิ์สิทธิ์" ของชาวคริสต์หรือวันสุกดิบหนึ่งวันก่อนหน้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกกำหนดให้ "วันออล เซนต์ส เดย์" หรือวันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวันฉลองบรรดานักบุญต่าง ๆ ที่เริ่มกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ดังนั้น เทศกาลฮาโลวีนนี้ชาวคาทอลิกจึงพากันเข้าโบสถ์ไปทำพิธีสวดกันเหนื่อยนานกว่าปกติสักหน่อย และในเวลาเดียวกันก็มีการร่วมฉลองแก้เหนื่อย หรือทำให้มันเหนื่อยหนักขึ้นพร้อม ๆ กันไปด้วย
คติเดิมในการจัดวันฮาโลวีนนี้มีย้อนหลังไปก่อนคริสต์กาล สมัยก่อนที่คริสต์ศาสนาจะแพร่ขยายเป็นที่นับถือกันไปทั่วยุโรปนั้น ชาวเผ่าเซลท์ที่อาศัยอยู่ในยุโรปตอนเหนือ และยุโรปตะวันตก ซึ่งนับถือดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าได้ถือเอาวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันสิ้นปีเก่าของพวกตน ที่ต้องมีพิธีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการละเล่นรอบกองไฟ
ช่วงปลายเดือนตุลาคมนั้น ก็ยังเป็นระยะสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวของชาวเผ่าเซลท์ครั้งกระโน้น ใบไม้ตามไพรพฤกษ์ก็ปลิดตัวจากขั้วร่วงหล่นลงกองกับพื้นดิน แสดงสัญญาณว่า ฤดูหนาวกำลังย่างใกล้าเช้ามาแล้ว และราตรีก็กำลังสยายปีกแผ่คลุมโลกยาวนานกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ของปี จึงเป็นช่วงที่นักบวชดรูอิสของชาวเซลท์จะเริ่มทำพิธีบนบวงพระอาทิตย์ผู้เป็นเจ้าที่กำลังจะมาเยือนโลกสั้นลง พร้อมกันไปกับงานรื่นเริงปลอบใจผู้คนส่งท้าย
เวลาเดียวกันนี้ ก็เป็นยามที่บรรดาแกะและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่ปล่อยทิ้งให้เล็มหญ้าหากินตามท้องทุ่งถูกต้อนกลับเข้าคอก ชาวเซลท์ก็จะเริ่มปรับปรุงกฎหมายของตน และมีการต่อสัญญาเช่ากันในโอกาสนี้ด้วยและเนื่องจากพฤศจิกายนเป็นเดือนที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ความมืดที่อ้อยอิ่งมาช้านานหลายเดือนในแถบยุโรปเหนือ ทำให้คติของความเชื่อและการฉลองปรากฏออกมาในรูปของภูตผีปิศาจ เรื่องของพ่อมดหมอผีเทพธิดาที่จะปรากฎออกมากันชุกชุมอยู่บนโลกตามบรรยากาศแห่งความมืดมัว
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552
นักบุญแบร์นาแด๊ต
แบร์นาแด๊ต เกิด ในประเทศฝรั่งเศลใกล้เมืองลูรด์ ครอบครัวของเธอยากจนมาก วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1858 ขณะที่แบร์นาแด๊ตไปเก็บฝืนที่ป่า มีสตรีสวยงามผู้หนึ่งประจักษ์มาหาเธอที่ถํ้ามาสซาเบียลในเทือกเขาพีเรนีส สตรีผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้าและสีขาว และที่เท้าของสตรีมีดอกกุหลาบประดับอยู่ สตรีผู้นั้นยิ้มให้เธอและขอร้องให้เธอสวดสายประคำพร้อมกับท่าน
แบร์นาแด๊ต ได้ไปพบสตรีผู้นั้นถึง 18 ครั้ง แต่ละครั้งมหาชนติดตามเธอไปที่ถํ้าแห่งนั้น เพื่อร่วมสวดสายประคำกับสตรีผู้นั้นพร้อมกับแบร์นาแด๊ต ครั้งหนึ่งสตรีผู้นั้นบอกให้แบร์นาแด๊ตขุดลงบนพื้นดินที่ตนคุกเข่า ทันใดนั้นเกิดบ่อนํ้าพุมหัศจรรย์ ประชาชนใช้นํ้านั้นรักษาโรคต่างๆของตน อาศัยความศรัทธา แบร์นาแด๊ตถามสตรีผู้นั้นว่า "ท่านคือใคร " สตรีผู้นั้นตอบว่า " เราคือผู้ปฎิสนธินิรมล " ซึ่งหมายถึง" แม่พระ " นั่นเอง แม่พระวิงวอนทุกคนให้สวดภาวนามากๆเพื่อคนบาป
แบร์นาแด๊ต ได้บวชเป็นซิสเตอร์ในเวลาต่อมา และถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 36 ปี แต่อัศจรรย์ที่ลูร์ดมีอยู่เสมอตราบเท่าทุกวันนี้.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)